ในยุคปัจจุบันเจ้าของธุรกิจมักจะเลือกจำหน่ายสินค้าหลากหลายช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ที่แบรนด์มักจะขายสินค้าหลากหลายแพลตฟอร์มเพื่อทการขยายช่องทางการขาย และทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากยิ่ง สิ่งสำคัญ คือ เมื่อคุณขายของหลายช่องทางคุณก็ต้องบริหารงานขายให้ดีเพื่อให้ออเดอร์ไม่ตกหล่น และรักษาฐานลูกค้าไว้ มาดูกันว่าเราจะบริหารยังไงให้ธุรกิจลื่นไหล ไม่สะดุด
- เข้าใจความแตกต่างของลูกค้า
เมื่อคุณขายสินค้าหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram, Twitter, TikTok หรือแม้แต่ขายสินค้าใน Shopee, Lazada คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในแต่ละแพลตฟอร์มนั้นจะมีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ซึ่งแน่นอนเลยค่ะว่าจะส่งผลต่อแบรนด์ของเราอย่างแน่นอน เพราะคุณอาจจะต้องปรับรูปแบบการขายให้เหมาะสมกับช่องทางนั้น ๆ ต้องทำความเข้าใจขนาดของรูปภาพในแต่ละแพลตฟอร์ม เป็นต้น
- รวมหลายช่องทาง ให้มารวมกันในที่เดียว
การขายสินค้าหลายช่องทาง มีข้อดีตรงที่ช่วยให้แบรนด์เป็นรู้จักได้มากยิ่งขึ้น สามารถทำการตลาดได้หลากหลายช่องทาง แต่ก็มีจุดด้อยตรงที่เราอาจจะบริหารงานได้ยากมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น คุณต้องตอบข้อความลูกค้าหลายช่องทาง ซึ่งบางครั้งอาจมีข้อผิดพลาดที่ข้อความตกหล่น ตอบแชทลูกค้าช้า ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลายแพลตฟอร์มที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้แม่ค้าออนไลน์
- วิเคราะห์และวัดผล
ขายหลายช่องทางอาจจะไม่ได้ดีเสมอไป หากบางแพลตฟอร์มไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มลูกค้าของเรา แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าแพลตฟอร์มไหนได้ผลตอบรับดี? แน่นอนเลยว่าคุณจะต้องทำการวัดผลในแต่ละช่องทางการขาย ซึ่งเราสามารถทำได้โดยการดูข้อมูลหลังบ้านของแต่ละแพลตฟอร์ม เราต้องทำการกำหนดว่าในแต่ละแพลตฟอร์มสามารถเข้าถึงลูกค้าได้เท่าไหร่ มีลูกค้ากี่คนที่คลิกลิ้งก์ที่เราแนบ ทักข้อความหาเรามากน้อยขนาดไหน สามารถปิดการขายได้จริงกี่คน เป็นต้น เมื่อคุณเก็บข้อมูลได้ครบแล้ว คุณจะเริ่มเห็นว่าออเดอร์ส่วนใหญ่มาจากแพลตฟอร์มใด ลูกค้ารู้จักเราจากช่องทางใดบ้าง
ซึ่งปัจจุบันได้มีระบบที่รองรับการขายหลายช่องทาง เพื่อให้ธุรกิจได้สะดวกต่อการรวบรวมข้อมูลและนำไปใช้ต่อยอด อย่าง JESS ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์ Order management system OMS ที่รองรับการเชื่อมต่อทุกช่องทางการขาย พร้อมปรับแต่งได้ตามความต้องการ ลงทะเบียนเพื่อปรึกษากับเราได้เลยที่ https://jibjess.com/